วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

หนังสือน่าอ่านในการทำธุรกิจ MLM



พ่อจน
พ่อรวย
ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน
ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ
เรียนมากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง
เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง
พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก
พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก
ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว
ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว
เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง
บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด
บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน
ชำระหนี้เป็นอันดับแรก
ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย
ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน
ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน
สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ
สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน
ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่
คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก
เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เงิน คืออำนาจ
เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ
เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา
พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน
เงิน ทำงานให้พ่อ


ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน

ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
“ ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน “
“ การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต “
“ การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ “
“ อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ “

ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์

“ ต้องหางานทำให้ได้ ”
“ ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน ”
“ ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน “
“ ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ “
“ ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น “
“ หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ “
“ เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่ “
“ ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ “
“ จำไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า ‘มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’ “
ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
“ ทุกคนต้องทำงาน “
“ คนรวยขี้โกง “
“ ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก “
“ ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง “
ความคิดที่ใช้สมอง
“ ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า “

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

เทพและเทพีอียิปต์


" อียิปต์ นครอันเป็นนิรันดร์ "
ดินแดนที่มีเรื่องราวลึกลับ และความเชื่อเกี่ยวกับเทพและเทพีกว่าหนึ่งพันองค์ประเทศที่นักเดินทางผู้นิยมท่องที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ต่างใฝ่ฝันที่จะไปเยือนสักครั้งในชีวิตมหาตำนานและนิทานปรัมปราที่เล่าขานผ่านชนชาวอียิปต์ในดินแดนซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ เป็นองค์ความรู้สำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์อียิปต์มากขึ้นรวมถึงแนวคิดการมีชีวิตเป็นอมตะที่ทำให้เกิดความเชื่ออันเป็นเอกลักษณ์
ลองอ่านเรื่องราวของเทพ เทพี สัญลักษณ์ และมหาวิหารสำคัญในเล่มนี้แล้วจะพบว่าเสน่ห์ของอียิปต์ไม่ได้มีเพียงสถาปัตยกรรมมหัศจรรย์อย่างพีระมิดเท่านั้น

มรดกมรณะ (Morning, Noon, & Night)


มรดกมรณะ หรือ Morning, Noon & Night ของซิดนีย์ เชลดอน
เป็นเรื่องราวของมหาเศรษฐีแฮร์รี สแตนฟอร์ด ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจของสหรัฐฯ เขามีลูกสามคนซึ่งล้วนแต่เกลียดชังพ่อผู้ใจร้ายต่อแม่และใจดำต่อลูกๆ แฮร์รีมีความสัมพันธ์กับครูพี่เลี้ยงของลูกๆจนเธอตั้งท้อง เป็นสาเหตุให้ภรรยาฆ่าตัวตาย ส่วนครูพี่เลี้ยงก็หนีไปจากบ้านและต่อมาได้คลอดลูกสาวชื่อจูเลีย หลังจากแฮร์รีเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนา โดยตกจากเรือยอชต์ส่วนตัวขณะแล่นอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลูกๆของเขาทั้งสามคนก็มาชุมนุมกันที่บ้านของตระกูลในบอสตันเพื่อฟังพินัยกรรม ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นหญิงสาวสวยคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น โดยอ้างตัวว่าคือจูเลีย สแตนฟอร์ด ลูกสาวนอกสมรสของแฮร์รีแต่หลังจากผ่านการพิสูจน์ว่าเธอคือจูเลียตัวจริงเธอก็หายตัวไป หลังจากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่บ้านสแตนฟอร์ดและอ้างตัวว่าเป็นจูเลีย สแตนฟอร์ด เช่นกันหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกปองร้าย ใครคือจูเลีย สแตนฟอร์ด ตัวจริงความลับเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแฮร์รีคืออะไร และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด คำตอบรออยู่ใน มรดกมรณะ ผลงานอีกเล่มของซิดนีย์ เชลดอน ผู้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

A House of Night : เคหาสน์รัตติกาล


A House of Night : เคหาสน์รัตติกาล
มันเป็นเหมือนที่โซอี้ เรดเบิร์ดรู้สึกอยู่ครามครันไม่มีผิด

โซ อี้ เรดเบิร์ด รู้ดีว่าเธอไม่เหมาะกับโลกของมนุษย์ สังคมของมนุษย์ ที่ที่แสนอึดอัดสำหรับเด็กสาววัยสิบหกปีผู้ขาดไร้ความรักความอบอุ่นจากครอบ ครัว และดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่ใดอ้าแขนต้อนรับเธอนัก

กระทั่งวันที่เธอได้รับการ “ประทับรอย” จากผู้ล่า และได้เดินทางสู่ “เคหาสน์รัตติกาล” เพื่อเปิดโลกใบใหม่ซึ่งเธอไม่เคยรู้จัก

โลก ของราตรี มนตร์ตรา ทวยเทพ ความลึกลับ และอำนาจที่เธอค้นพบและต้องควบคุมมันในระหว่างการวิวัฒน์ เพื่อเปลี่ยนตัวเองจากมนุษย์ไปเป็นแวมไพร์เต็มตัว

ที่นั่น ...โซอี้ได้รู้ว่ารอยประทับของเธอไม่เหมือนใคร และอำนาจที่เธอได้จากองค์เทวีแห่งแวมไพร์นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่วัยรุ่นคน หนึ่งจะมี ที่นั่น...เธอได้พบกับแวมไพร์หนุ่มสุดเซ็กซี่ผู้ทำให้โซอี้อึดอัดและออกจะ มันเขี้ยว

ที่นั่น...ก้าวแรกในชีวิตแวมไพร์ของเธอนั้นสุดแสน จะตื่นเต้นเร้าใจ โซอี้มี “สัมผัสแห่งนิวรณ์” ที่ทำให้ควบคุมธาตุทั้งห้าได้ เธอต้องต่อกรกับกลุ่มบุตรีแห่งรัตติกาล ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด และเรียนรู้ที่จะเป็น “ผู้นำ” ที่ยิ่งใหญ่ของเคหาสน์รัตติกาล

Review เล่ม 1 : รอยประทับ

"เส้น ทางแสน ลำบากสู่การเติบโตขั้นต่อไปถูกถ่ายทอดผ่านช่วงฉากสังคมแวมไพร์อันแปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร ทั้งยังเป็นเรื่องราวที่เสกสรรค์ได้อย่างสนุกสนาน...ผู้อ่านจะติดหนังสือชุด นี้งอมแงม" - Romantic Times

"ตั้งแต่ วินาทีที่ฉันเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันก็ติดหนึบอยู่กับมันทันที! เป็นมุมใหม่ของแวมไพร์ที่สุดยอดมากๆ! ประทับตรา ช่างร้อนแรง เร้นลับ และสนุกจริงๆ เยี่ยม!" - Gena Showalter ผู้เขียนวนิยาย Oh My Goth

"คาสต์ เล่นฉันอยู่หมัดตั้งแต่ย่อหน้าแรก ฉันหัวเราะพรืดและหัวเราะคิกๆคักๆตลอด แล้วก็ตะบี้ตะบันอ่านจนจบรวดเดียว" - MaryJanice Davidson ผู้เขียนนวนิยายชุด Undead

ทดลองอ่านบทที่ 1
http://www.amarinpocketbook.com/_upload/firstread/Marked-preread.pdf


Credit : http://www.amarinpocketbook.com




จินตนาการ ทำให้ “เจ้าหญิง” คนหนึ่งก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิต เพราะเมื่อคนเราสามารถคิดจินตนาการ ก็หมายความว่าเรายังมีความหวัง และความหวังนั้นเอง จะหล่อเลี้ยงจิตใจไม่ให้ตกต่ำ หรือจ่อมจมอยู่ในความทุกข์เศร้า จนยากที่จะฉุดตัวเองขึ้นมาได้ ความหวัง ความฝัน และจินตนาการ ไม่ใช่แค่ให้มนุษย์อยู่รอด แต่รวมทั้งโลกของเราด้วยเจ้าหญิงน้อย เรื่องเริ่มต้นที่ ‘ซาร่า ครูว์’ เด็กหญิงน่ารัก นิสัยดี เข้าเรียนโรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษ ตอนนั้นคุณครูดูแลซาร่าอย่างดี เพราะเธอเป็นลูกเศรษฐี ซาร่าชอบแต่งนิทานมาเล่าให้เพื่อนฟัง โดยมีเธอเป็นเจ้าหญิงในเรื่อง แต่แล้ววันหนึ่งก็มีข่าวร้ายว่าพ่อซาร่าเสียชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป ซาร่าโดนไล่ไปทำงานในครัว อดเรียนหนังสือเหมือนเพื่อน แต่เธอก็ยังคงจินตนาการต่อไป ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงตกยาก ซาร่ายึดมั่นในความดีของตัวเอง ไม่เคยเคียดแค้นคุณครูที่เปลี่ยนไป ไม่เคยแสดงกิริยาหยาบคาย แล้ววันหนึ่งข้างๆ โรงเรียนก็มี ‘เพื่อนบ้าน’ ใหม่ชาวอินเดียย้ายมาอยู่ มาคอยดูแลซาร่าอย่างลับๆ และทำให้ชีวิตซาร่ากลับมาดี เป็นเจ้าหญิงน้อยๆ เหมือนเดิม


 
หนังสือนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้อ่านเข้าใจว่า "กรรมเกิดจากอะไร" กรรมจริงๆ ในพุทธศาสนาก็ได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า "กรรม" ก็คือการกระทำอันที่หนึ่งซึ่งเกิดการกระทำปัจจุบันชาติที่คุณทำเอา ไว้ ณ ปัจจุบันนี้แล้วหลังจากนั้น กรรมก็จะส่งผลต่อชีวิตของคุณต่อไป ถ้าคนเราอยากจะแก้กรรมนั้นทำได้ไหม ควรจะทำอย่างไร หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ
.............................................................
บทที่ 1 กรรมคืออะไร?
บทที่ 2 ทำบุญอย่างไรให้ถึง (เจ้า) กรรม?
บทที่ 3 ใคร? คือเจ้ากรรมนายเวร
บทที่ 4 ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญ?
บทที่ 5 การสะเดาะเคราะห์แก้กรรมได้จริงหรือไม่?
บทที่ 6 ทำบุญเพื่อส่งผลบุญ ผู้รับจะได้รับหรือไม่?
บทที่ 7 หมอดูเปลี่ยนแปลงกรรมได้หรือไม่?
บทที่ 8 จัดบ้านแบบคนมีบุญ : ทำอย่างไรให้เป็นมงคล
บทที่ 9 เคล็ดลับเสริมบุญบารมี ว่าด้วยบทสวดมนต์บทไหนที่ควรสวดในบ้าน
บทที่ 10 ทำไมชีวิตต้องติดกรรม

ประเภทของหนังสือ

ความสนใจของมวลชนที่มีต่อหนังสือได้มีมากขึ้นไปตามความเจริญของสังคมและบ้านเมือง จนมีคำกล่าวกันว่าหนังสือเป็นเครื่องวัดความเจริญของสังคมอย่างหนึ่ง ความสนใจได้แตกแขนงออกไปอย่างกว้างขวาง และสนใจในรายละเอียดลึกลงไปในแต่ละแขนง ทำให้เกิดการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และทำให้เกิดหนังสือประเภทต่าง ๆ ขึ้นมาก แต่ละประเภทมีกลุ่มบุคคลที่สนใจแตกต่างกันไป ลักษณะการใช้งาน อายุการใช้งานก็แตกต่างกันไปด้วย วิธีการผลิตหนังสือแต่ละประเภทและวัสดุที่ใช้ผลิตก็ต้องแตกต่างกันออกไป ผู้ผลิตจะต้องหาวิธีการผลิตให้เหมาะสมกับหนังสือแต่ละประเภท การแบ่งประเภทของหนังสือมีวิธีแบ่งได้หลายอย่าง แต่เพื่อให้เห็นลักษณะการผลิตและรูปเล่มได้เด่นชัด หนังสืออาจแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ วารสาร (Periodical) และหนังสือเล่ม (book) วารสาร (Periodical) เป็นหนังสือที่มีชื่อหนังสือคงที่ จัดพิมพ์ออกจำหน่ายจ่ายแจกตามลำดับเรื่อยไป เช่น หนังสือที่พิมพ์ออกมาทุกวันจะมีชื่อหนังสือชื่อเดียวกันตลอด ได้แก่ สยามรัฐ ไทยรัฐ เดลินิวส์ หรือหนังสือที่พิมพ์ออกมาทุกสัปดาห์ ทุกสองสัปดาห์ ทุกเดือน หรือทุกระยะเวลาต่าง ๆ มีชื่อหนังสือเหมือนกัน เช่น สตรีสาร วิทยาจารย์ หลักไท หนังสือเหล่านี้เป็นวารสาร หนังสือประเภทวารสารยังอาจแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้เป็นหนังสือพิมพ์ (newspaper) นิตยสาร (magazine)







หนังสือพิมพ์ (newspaper) เป็นหนังสือที่มีวัตถุประสงค์หลักในการให้ข่าวสารปัจจุบันแก่ผู้อ่าน ส่วนนิตยสารนั้นมุ่งที่จะให้ความรู้ความบันเทิงเป็นสิ่งสำคัญ การที่วัตถุประสงค์ในการจัดทำแตกต่างกัน ลักษณะและการใช้งานของหนังสือและลักษณะรูปร่างของหนังสือจึงย่อมแตกต่างกันออกไปด้วย จะเห็นว่าหนังสือพิมพ์นั้นพิมพ์บนกระดาษแผ่นใหญ่เรียงซ้อนกัน พับเป็นเล่มโดยไม่เย็บเล่มและไม่มีปก ส่วนนิตยสารนั้นมักมีปกที่พิมพ์สีสันสวยงาม เย็บเป็นเล่มและเจียนเล่มเรียบร้อย ขนาดของเล่มเล็กกว่าหนังสือพิมพ์ การที่หนังสือประเภทใดจะมีรูปเล่มและขนาดอย่างใดย่อมแล้วแต่ลักษณะและวัตถุประสงค์การใช้งานของหนังสือเล่มนั้น ๆ เป็นสำคัญ รูปเล่มและขนาดเล่มจะเป็นตัวกำหนดเครื่องจักรเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเชื่อมโยงกันไปทั้งสิ้น
นิตยสาร (magazine) สำหรับนิตยสารนั้น ผู้ซื้อจะมีความพิถีพิถันมากกว่าซื้อหนังสือพิมพ์ นิตยสารจึงมีปกที่พิมพ์ภาพสวยงาม อายุการใช้งานมีระยะเวลานานกว่าหนังสือพิมพ์ซึ่งจะมีอายุอย่างน้อยเท่ากับระยะเวลาออกนิตยสารนั้น ๆ นิตยสารจึงยังคงคุณค่านานกว่าหนังสือพิมพ์ แม้เมื่อพ้นเวลาใช้งานแล้วก็ยังพอมีราคาอยู่บ้าง


หนังสือเล่ม (book)
เป็นประเภทใหญ่ของหนังสืออีกประเภทหนึ่ง อาจ แบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้หลายวิธี คือแบ่งตามลักษณะของผู้อ่าน เช่น หนังสือเด็ก หนังสือผู้ใหญ่หรือแบ่งตามเนื้อหาสาระ เช่น หนังสือสารคดี หนังสือบันเทิงคดี ซึ่งแต่ละประเภทแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น สารคดี อาจแบ่งเป็นแบบเรียนในระดับการศึกษาต่าง ๆ คู่มือครู แบบฝึกหัดตำราทางวิชาการ หนังสืออ้างอิง บันเทิงคดีก็แบ่งเป็น นวนิยาย กวีนิพนธ์ หนังสือเด็กก็อาจแยกออกเป็น หนังสือภาพ หนังสือการ์ตูน นิยาย หนังสือแต่ละประเภทก็มีลักษณะรูปเล่มเฉพาะที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของหนังสือประเภทนั้น ๆ การผลิตหนังสือแต่ละประเภทจึงมีวิธีการและอุปกรณ์ที่เหมาะสมแก่การผลิตหนังสือประเภทนั้น ๆ ซึ่งก็ย่อมแตกต่างกันออกไปแต่ละประเภท
หนังสืออ้างอิง เป็นหนังสือที่มีลักษณะพิเศษอีกแบบหนึ่งที่ผู้อ่านจะเลือกอ่านค้นคว้าเอาเฉพาะเรื่องที่ต้องการ เช่น หนังสือพจนานุกรมจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง ผู้ซื้อจะค้นดูศัพท์เฉพาะคำที่ต้องการทราบความหมายโดยจะเปิดดูหน้าและตำแหน่งตรงที่มีศัพท์ที่ต้องการจะค้น แล้วอ่านดูว่ามีคำแปลว่าอย่างใด เข้าใจแล้วก็ปิดเล่ม หนังสือเล่มหนึ่ง ๆ ได้อ่านจริง ๆ ไม่กี่บรรทัดไม่กี่หน้า หากเป็นพจนานุกรมฉบับกระเป๋าก็จะต้องผลิตให้มีขนาดเล็กสามารถพกติดตัวไปได้สะดวก สามารถค้นดูศัพท์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ขนาดของเล่มหนังสือจะเป็นสิ่งกำหนดตัวพิมพ์ ความหนาของแผ่นกระดาษและชนิดของกระดาษที่จะพิมพ์ เพื่อให้หนังสือมีขนาดพอเหมาะที่จะบรรจุศัพท์ต่าง ๆ ลงในเล่มให้ครอบคลุมได้กว้างขวางที่ต้องการ และให้ได้ขนาดกว้างยาวและหนาพอที่จะพกในกระเป๋าเสื้อของผู้อ่านได้







สงครามครั้งใหญ่ระหว่างเทพโอลิมปัสกับเหล่ายักษ์ไททันกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้งในศตวรรษที่ 21 โครนอสเพียงรอเวลาให้พละกำลังฟื้นฟู และซ่องสุมกองพลเตรียมโรมรัน ค่ายฮาล์ฟบลัดในฐานะที่เป็นสถานของเหล่าลูกหลานเทพ จึงต้องรีบรวบรวมสมัครพรรคพวกเช่นกันเมอร์โกรเวอร์ค้นเจอมนุษย์กึ่งเทพสองพี่น้อง แต่ไม่สามารถพาออกมาได้ เพอร์ซี่ย์เลยต้องออกไปรับด้วยตนเอง ทว่านี่เป็นกับดัก! กว่าจะรู้ตัวเขาก็เสียคนสำคัญไปให้ศัตรูเสียแล้ว การเดินทางหนนี้เพอร์ซี่ย์จึงต้องจับมือกับเหล่าพรานแห่งอาร์เทมีส? กลุ่มเด็กหญิงที่ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกและสุดแสนจะเกลียดชังผู้ชาย? ในการออกตามหาเทพีผู้สาบสูญ เพื่อให้มีการประชุมโอลิมปัสเกิดขึ้นได้ ตลอดจนหาตัวอสุรกายลึกลับผู้กำหนดทิศทางของสงครามให้พบก่อนที่มันจะตกไปอยู่ในมือของโครนอส และทำให้เขาทรงพลังมากกว่าเดิม


























ฤดู ร้อนที่แล้ว เพอร์ซีย์ค้นพบความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับกำเนิดของตัวเอง และได้ออกปฏิบัติภารกิจจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาก็ทำสำเร็จ สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่าง ‘มนุษย์’ อีกครั้ง
เปิดภาคเรียนใหม่ กับโรงเรียนใหม่ เพอร์ซีย์ได้เพื่อนเป็นเด็กตัวยักษ์จอมทึ่มซึ่งดูแล้วออกจะ… พิเศษ… เกินเด็กธรรมดาไปสักหน่อย นอกจากนี้เขายังฝันถึงโกรเวอร์ แต่เป็นฝันที่แสนพิลึกกึกกือ… เพื่อนแพะของเขากำลังจะเป็นเจ้าสาว (!?) ส่วนแอนนาเบ็ธก็มาหาเขาพร้อมข่าวร้าย เมื่อค่ายฮาล์ฟบลัดเผชิญกับปัญหาใหญ่ เขตแดนเวทมนตร์ของค่ายกำลังจะสลายลง แถมไครอนยังมาถูกไล่ออกอีก
เพอร์ซีย์จึงต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อกอบกู้ค่ายให้พ้นจากหายนะ มุ่งหน้าสู่ทะเลปีศาจ ตามหา ‘ขนแกะทองคำ’ ในตำนาน ตลอดจนต้องชิงตัวเจ้าสาวคืนมาจากยักษ์ไซคลอปส์ดุร้าย
ถึงเพอร์ซีย์จะเป็นบุตรแห่งจ้าวสมุทร แต่ก็อดประหวั่นต่อการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ ก็ทะเลที่เขากำลังมุ่งหน้าไปน่ะ มันคือสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา… ดินแดนอาถรรพ์ที่มนุษย์ทั่วโลกต่างขนานนามเชียวนะ!
++++
เริ่มต้นเรื่องเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในโรงเรียนของเพอร์ซีและเขาฝันประหลาดเกี่ยวกับว่าโกรเวอร์ แซเทอร์ (ครึ่งคนครึ่งแพะ) เพื่อนรักของเขาที่ฝ่าฝันเรื่องร้ายๆ มาด้วยกันขอความช่วยเหลือ และแม่ยังดูมีท่าทีเหมือนไม่อยากให้เพอร์ซีกลับไปยังค่ายฮาร์ฟบลัด (เลือดผสม) ในวันเดียวกันเพอร์ซีไปทำให้เพื่อนร่วมรุ่นไม่พอใจเพราะเขาเข้าไปช่วยเหลือไทสัน เด็กใหม่ที่ดูตัวใหญ่แต่กลับมีนิสัยเหมือนเด็ก และโดนหมายหัวเล่นที่ดูเหมือนจะเอาถึงตายด้วยความช่วยเหลือของเด็กที่มาทัศนศึกษาในโรงเรียนเพราะแท้จริงแล้วพวกนั้นคือยักษ์กินคน เพอร์ซีเอาตัวรอดได้เพราะแอนนาเบ็ธที่ให้ความช่วยเหลือ เขาหนีออกมาพร้อมกับไทสัน และโดนกล่าวหาในความเสียหายที่เกิดขึ้น พวกเขาเดินทางมาค่ายโดยการขึ้นแท็กซี่ที่ไม่เหมือนใคร มีคนขับคือหญิงชราสามคนที่มีหนึ่งตาและฟันหนึ่งซี่ (ที่เป็นเราจ้างให้ก็ไม่ไป กระโดดลงตั้งแต่เห็นหน้าคนขับแล้ว TOT ก็มีตาช้างเดียวจะเอาชีวิตไปฝากไว้ได้ยังไงเล่า) แต่ทั้งหมดก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ แต่ต้องตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลง มีความเลวร้ายเกิดขึ้นกับต้นสนธาเลียที่ปกป้องเขตแดนของค่าย รวมถึงปีศาจฝ่าเข้ามาในค่าย ไครอนซึ่งเป็นเซนทอร์ (ครึ่งคนครึ่งม้า อาจารย์ของเฮอร์คิวลิส) ถูกขับไล่โทษฐานที่ไม่ได้ดูแลความปลอดภัยของต้นสนธาเลีย และผู้ที่มาใหม่คือแทนทาลัส (ตาแก่เจ้าเล่ห์ที่โดนลงโทษให้ไม่อาจลิ้มรสชาติของกินและต้องกลิ้งหินขึ้นไปบนยอดเขาโดยที่เมื่อถึงมันก็จะกลิ้งลงมาด้านล่างเหมือนเดิม ไม่มีวันจบสิ้น เนื่องจากหลอกให้เทพเจ้ากินเนื้อลูกของเขาเอง) ซึ่งอ่านแล้วต้องขอบอกว่าเกลียดอีตานี่จริงๆ เลย นิสัยก็ไม่ดี น่ารังเกียจ -__-+ สมควรโดนลงโทษอย่างแรง
และก็ปรากฏว่าไทสันคือไซคลอป (ยักษ์ตาเดียว) เป็นพี่น้องกับเพอร์ซีจึงได้รับให้อยู่บ้านหลังเดียวกัน และเพอร์ซีก็ยังคงฝันถึงโกรเวอร์ที่ต้องการความช่วยเหลือ สิ่งที่เขาเสนอคือขนแกะทองคำ เพอร์ซีไปปรึกษากับแอนนาเบ็ธ ทั้งคู่ไปบอกแทนทาลัสเชิงกดดันต่อหน้าคนอื่น แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ได้รับหน้าที่ออกนอกค่ายคือผู้ที่เห็นเขาเป็นศัตรูอย่าง แคลลีส ลูกสาวของแอรีส (เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งเธอก็เถื่อนพอๆ กับพ่อเลย -__-) แต่ว่าเพอร์ซีได้รับของวิเศษจากเฮอร์มีส (เทพเจ้าแห่งการสื่อสารและขโมย) ได้ให้ของวิเศษแก่เขาทำให้เพอร์ซี กับแอนนาเบ็ธออกเดินทางสู่การผจญภัยอีกครั้งโดยมีไทสันพ่วงไปด้วย การผจญภัยตามหาขนแกะทองคำผ่านทะเลปีศาจสุดแสนอันตรายจึงเริ่มต้นขึ้น!
จริงๆ แล้วภารกิจนี้น่าจะเป็นของเจสันมากกว่า (หนุ่มที่ตามหาขนแกะทองคำจริงๆ ในเทพนิยาย) แต่ว่าเพอร์ซีก็เจอศึกหนักไม่เบา อย่างการแล่นเรือผ่านทะเลที่มีน้ำวนคอยดูดกลืนชีวิตผู้เดินเรือและผาหินที่จะกระทบเข้าหากันตรงกลาง ไซเรนปีศาจที่ใช้เสียงหลอกล่อให้นักเดินเรือจมน้ำตาย รวมทั้งการขัดขวางจากศัตรูเก่าอย่างลุคผู้แปรพักษ์ไปอยู่กับโครนัส อดีตเทพผู้เคยยิ่งใหญ่เพื่อโค่นล้มโอลิมปัสและเทพเจ้าทั้งมวลด้วยความเกลียดชังและกระหายในอำนาจ ระหว่างทางเขาสูญเสียไทสันไปในการเอาตัวรอด แต่สุดท้ายเพอร์ซีก็เดินทางไปช่วยโกรเวอร์ที่ถูกจับตัวโดยยักษ์ ได้พบกับไทสันและนำขนแกะทองคำกลับมาช่วยเหลือค่ายได้เนื่องจากมันมีอำนาจในการเยียวและรักษาสรรพสิ่งแม้กระทั่งบาดแผล แต่ว่าสุดท้ายแล้วความรุนแรงของสิ่งวิเศษก็ทำให้เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นมา!!!
อ่านแล้วตื่นเต้นและลุ้นมากค่ะ ที่ควรจะลงท้ายด้วยดีกลับมีอะไรไม่คาดฝันมาตลอด เรียกว่าอ่านแล้วแทบไม่อยากจะวางพักเลย เหมือนคนเขียนจะพยายามเขียนแบบกระตุ้นความรู้สึกของคนอ่านไม่ยอมให้วาง ตรงที่คิดว่าควรจะเป็นแบบนี้ก็เป็นอีกแบบหนึ่งซะงั้น แถมความสัมพันธ์ของเพอร์ซีกับแอนนาเบ็ธก็ทำให้เราได้ลุ้นว่าเมื่อไหร่มันจะพัฒนาน้า (แม้จะรู้ดีว่าแนวแฟนตาซีไม่เน้นเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็ตาม T^T) อ่านเล่มสองจบแล้วก็ว่าจะต่อด้วยเล่มสาม เรื่องอื่นพับโครงการไว้ก่อนเพราะนานๆ ทีเรื่องนี้จะมีให้ยืม ไม่รู้ว่าเล่มก่อนนี้มันหายไปไหนหมด
คนรักตำนานกรีกอย่างเราอ่านแล้วต้องขอบอกว่าชอบมากค่ะ คนเขียนนำตำนานมาดัดแปลงใส่ในเนื้อเรื่องได้อย่างลงตัว แถมยังคงความถูกต้องไว้ได้อย่างครบถ้วน แม้ว่าบางตัวอาจจะปรากฏออกมาน้อยไปหน่อย แต่บางตนอย่างไซเรนเนี่ยผิดคาดมาก ปกติต้องสวยและมีเสน่ห์แต่ในนิยายกลับไม่น่ามองเล้ย แอบตลกตอนที่เฮอร์มีสปรากฏตัวในชุดนักวิ่งแต่จริงๆ แล้วก็เหมาะเพราะเขาเป็นเทพเจ้าแห่งการสื่อสารและส่งข้อความก็ควรจะเป็นนักวิ่งลมกรดเนี่ยแหละ ^^
ตอนนี้สำนักพิมพ์แจ่มใสแปลออกมาครบห้าเล่มจบภาคแล้ว แต่ยังมีหนังสือแบบเล่มพิเศษ รวมเรื่องราวเทพเจ้าหรือการผจญภัยของเพอร์ซีแยกไปอีก ก็ได้แต่หวังว่าทางสำนักพิมพ์จะแปลจนจบ และคนเขียนก็มีการขึ้นการผจญภัยใหม่อีกแล้วซึ่งถ้าจำไม่ผิดก็ยังเป็นเรื่องราวของตำนานกรีกเช่นเคย คิดว่าถ้าสำนักพิมพ์แปลก็คงไม่พลาดที่จะอ่านอีกเป็นแน่ ก็สนุกถูกใจเรามากเลย
จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีการทำบ็อกเซตขายด้วย ตอนแรกเห็นก็ว่าอยากจะได้แต่พอเห็นตัวกล่องของจริงแล้วเกิดไม่อยากได้ขึ้นมาซะงั้น ก็ดีซื้อแค่หนังสืออย่างเดียวก็พอ แล้วเราก็หากล่องใส่ซะเองเลย ฮ่าๆ *O* (ว่าแต่รู้สึกเราจะชอบนิยายเรื่องนี้จะมากเป็นพิเศษเลย เขียนทีไรยาวทุกที คิกๆ ^O^)


ฤดู ร้อนที่แล้ว "เพอร์ซีย์" ค้นพบความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับกำเนิดของตัวเอง และได้ออกปฏิบัติภารกิจจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!... แต่เขาก็ทำสำเร็จ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่าง "มนุษย์" อีกครั้ง... เปิดภาคเรียนใหม่ กับโรงเรียนใหม่... เพอร์ซีย์ได้เพื่อนเป็นเด็กตัวยักษ์จอมทึ่ม ซึ่งดูแล้วออกจะ "พิเศษ" เกินเด็กธรรมดาไปสักหน่อย นอกจากนี้ เขายังฝันถึง "โกรเวอร์" เป็นฝันที่แสนพิลึกกึกกือ เพราะเพื่อนแพะของเขากำลังจะเป็นเจ้าสาว?! ส่วน "แอนนาเบ็ธ" ก็มาหาเขาพร้อมข่าวร้าย เมื่อค่ายฮาล์ฟบลัดเผชิญกับปัญหาใหญ่ เขตแดนเวทมนตร์ของค่ายกำลังจะสลายลง แถมไครอนยังมาถูกไล่ออกอีก เพอร์ซีย์จึงต้องออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อกอบกู้ค่ายให้พ้นจากหายนะ มุ่งหน้าสู่ทะเลปีศาจ ตามหา "ขนแกะทองคำ" ในตำนาน ตลอดจนต้องชิงตัวเจ้าสาวคืนมาจากยักษ์ไซคลอปส์ดุร้าย!ถึงเพอร์ซีย์จะเป็นบุตรแห่งจ้าวสมุทร แต่เขาก็อดประหวั่นต่อการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ เพราะทะเลที่เขากำลังมุ่งหน้าไปนั้น คือ "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา" ดินแดนอาถรรพ์ที่มนุษย์ทั่วโลกต่างขนานนาม... เพอร์ซีย์จะสามารถทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จหรือไม่? เขาจะต้องพบกับอะไรบ้าง? ร่วมผจญภัยไปกับการเดินทางครั้งสำคัญของ "เพอร์ซีย์ แจ็กสัน" พร้อมกันได้ในเล่ม

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

Death Note


เดธโน้ต (ญี่ปุ่นデスノート Desu Nōto ทับศัพท์จาก Death Note ?) เป็นชื่อการ์ตูนญี่ปุ่นแนวลึกลับ แต่งเนื้อเรื่องโดยสึงุมิ โอบะ และวาดภาพโดยทาเคชิ โอบาตะ ในประเทศญี่ปุ่น เดธโน้ตลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ และตีพิมพ์รวมเล่มออกจำหน่ายทั้งหมด 12 เล่ม ส่วนในประเทศไทยผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์คือ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ โดยลงตีพิมพ์เป็นรายสัปดาห์ในนิตยสารบูม
เดธโน้ตได้มีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งสร้างโดยวอร์เนอร์ บราเธอร์ส โดยแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือภาคแรก ในชื่อ สมุดโน้ตกระชากวิญญาณ และภาพที่สองในชื่อ อวสานสมุดมรณะ นอกจากนี้เดธโน้ตยังได้ถูกทำเป็นวิดีโอเกมของเครื่องนินเทนโดดีเอส ในชื่อ Death Note: Kira Game
ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2009 นิตยสารวาไรตี้ ได้ประกาศว่าทางวอร์เนอร์บราเธอร์ส ได้รับสิทธิในการนำการ์ตูนมาดัดแปลงเป็นฉบับคนแสดงในสหรัฐอเมริกา ทางวอร์เนอร์บราเธอร์ส ได้ว่าจ้างชาร์เลย์ กับวลาส พาร์ลาพานิเดส ในการดัดแปลงมังงะลงสู่บทภาพยนตร์ ซึ่งแตกต่างจากเดธโน้ตของญี่ปุ่นฉบับคนแสดงไตรภาค โดยในเวอร์ชันสหรัฐจะดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ในมังงะโดยตรง และจะไม่มีการดัดแปลงเค้าเรื่องแบบภาพยนตร์ของญี่ปุ่น[1] ในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2011 ได้มีการประกาศว่าเชน แบล็ค ได้รับการว่าจ้างให้กำกับภาพยนตร์ ด้วยการเขียนสคริปต์โดยแอนโธนี่ บาการอสซี่ กับชาร์ลส์ มอนดรี่


แฮร์รี่ พอตเตอร์ คือชุดนวนิยายแฟนตาซี ประพันธ์โดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเด็กชายพ่อมดชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ หนังสือในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์มีจำนวนเจ็ดเล่ม โดยหนังสือเล่มแรกในชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ วางจำหน่ายในฉบับภาษาอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2540 และฉบับภาษาไทยในปี พ.ศ. 2543 ส่วนเล่มที่เจ็ด ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของชุด มีชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ฉบับภาษาอังกฤษออกวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โดยสำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ รับผิดชอบพิมพ์จำหน่ายในสหราชอาณาจักร และสำนักพิมพ์สกอลาสติกในสหรัฐอเมริกา ส่วนฉบับภาษาไทยออกวางจำหน่ายในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์[1]
โครงเรื่องหลักของนวนิยายชุดนี้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายผู้เป็นพ่อมดตัวน้อย กับพ่อมดร้ายลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้สังหารบิดามารดาของแฮร์รี่ และวางฉากหลักอยู่ที่ โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ หัวใจสำคัญของเรื่องคือการเปลี่ยนผ่านของวัยของตัวละครเอก แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเพื่อนสนิท เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์และรอน วีสลีย์ โดยเรื่องราวส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองของเขาและสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากเพื่อน อาจารย์ หรือประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
หนังสือประสบความสำเร็จอย่างสูงนับแต่เล่มแรกออกวางจำหน่าย นับถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 หนังสือชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับการตีพิมพ์ทั่วโลกรวมแล้วมากกว่า 400 ล้านเล่ม และมีการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ 67 ภาษา[2][3] หนังสือเล่มสุดท้ายของชุดยังได้ทำสถิติหนังสือที่จำหน่ายออกหมดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์[4]
หนังสือทั้งเจ็ดเล่มได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส ซึ่งมีทั้งหมดแปดภาคด้วยกันเนื่องจากในภาคสุดท้าย ผู้สร้างได้แบ่งออกเป็นสองตอน การถ่ายทำแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 ได้สิ้นสุดลงในวันที่12 มิถุนายน พ.ศ. 2553[5] และมีกำหนดฉายในวันที่14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นับเป็นเวลากว่า 10 ปีที่ภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้มีการถ่ายทำและออกฉายจนครบทุกภาค นอกจากนี้ ยังมีการนำไปสร้างเป็นวิดีโอเกมและสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย


Cartoon Focus -- นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ (Naruto)



เรื่องย่อ

12 ปีก่อน ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลยาวนานเป็นเวลาหลายพันปี ได้ออกอาละวาดทำลายบ้านเรือนชีวิตทรัพย์สินของผู้คนบริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก
จนกระทั่ง โฮคาเงะรุ่นที่ 4 หัวหน้าของหมู่บ้านโคโนฮะ ได้สละชีวิตด้วยการการผนึกร่างของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางไว้ในร่างของทารกน้อยนาม อุซึมากิ นารุโตะ อีก12 ปีผ่านไป นารุโตะได้เติบโตขึ้น ณ หมู่บ้าน โคโนฮะ และใฝ่ฝันว่าจะเป็นโฮคาเงะรุ่นต่อไป
หลังจากสอบจบการศึกษากับอาจารย์อิรุกะ และได้เลื่อนขั้นนินจาเป็น เกะนิน นารุโตะได้ร่วมทีม 7 กับ อุจิวะ ซาสึเกะ และ ฮารุโนะ ซากุระ โดยมี คาคาชิ เป็นอาจารย์คอยชี้นำในภาระกิจต่างๆ โดยเริ่มจากในระดับD ซึ่งเป็นระดับที่ง่ายสุด แต่นารุโตะรู้สึกเบื่อหน่ายในภาระกิจระดับนี้ คาคาชิก็เลยให้ภารกิจใหม่ ซึ่งเป็นภารกิจระดับ C คือปกป้องทะซึนะช่างก่อสร้างสะพานจากแคว้นนามิคุนิแคว้นข้างเคียง ภาระกิจก็เริ่มต้นขึ้น ในระหว่างทางก็มีนินจาเข้ามาลอบทำร้ายกลุ่มนารุโตะ โดยหวังที่จะฆ่าทะซึนะ แต่โดนคาคาชิจัดการไปซะก่อน คาคาชิก็เริ่มสงสัยว่าทำไมภารกิจระดับ C ถึงได้มีนินจาจากกลุ่มอื่นเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย โดยทะซึนะได้สารภาพว่า ไม่มีเงินที่จะจ้างนินจาสำหรับภารกิจระดับ B ขึ้นไป คาคาชิจึงตัดสินใจว่าจะทำให้ถึงที่สุด เมื่อเข้าไปใกล้แคว้นนามิคุนิ ซาบุซะ นินจาฝีมือสูงจากแคว้นมิซึคุนิ เข้ามาโจมตีกลุ่มนารุโตะอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการต่อสู้ในคราวนี้ คาคาชิเสียท่า เลยถูกซาบุซะจับไว้ในคุกน้ำ และสั่งให้นารุโตะและคนอื่นพา ทะซึนะหนีไป แต่นารุโตะและซาสึเกะยังคงต่อสู้และช่วยเหลืออาจารย์คาคาชิ นารุโตะได้แปลงร่างเป็นชูริเคน(ดาวกระจาย) ในขณะเดียวก็แยกร่างว่าง และให้ซาสึเกะขว้างชูริเคนของจริง พร้อมทั้งชูริเคนที่นารุโตะแปลงตัวไว้โจมตีซาบุซะ ซาบุซะได้หลบการโจมตีของชูริเคนได้ แต่คาดไม่ถึงว่านารุโตะจะแปลงร่างเป็นชูริเคนซ้อนมาอีกทีหนึ่ง และได้พลาดท่าทำให้คาคาชิหลุดออกมาได้ โดยหลังจากนั้นคาคาชิได้ต่อสู้กับซาบุซะอีกครั้งแล้วก็โค่นซาบุซะลงได้ แต่ทว่าผู้ที่ฆ่าซาบุซะนั้นกลับเป็นหนุ่มน้อยนักฆ่าจาก คิริงาคุเระซึ่งที่จริงเป็นแล้วพวกเดียวกับซาบุซะและมาช่วยซาบุซะ คาคาชิสังหรใจว่าซาบุซะยังมีชีวิตอยู่จึงให้พวกนารุโตะฝึกวิชาเพิ่ม เวลาต่อมาซาบุซะได้กลับมาเพื่อสะสางภาระกิจให้เสร็จพร้อมกับฮาคุ และฮาคุก็เสียท่าให้กับคาคาชิจนตาย และ ซาบุซะก็ถูกกลุ่มคนลึกลับนั้นสังหารอีกที
การสอบเป็นนินจาระดับจูนิน
การสอบจูนินของนินจาในทุกแคว้นปีนั้นได้ถูกจัดขึ้นที่หมู่บ้านโคโนฮะ สำหรับการสอบเลื่อนขั้นจากเกะนินเพื่อไปเป็นระดับจูนิน ในระหว่างการเดินทาง กลุ่มของนารุโตะก็มีเรื่องกับ ร็อค ลี ถึงขั้นวางมวยกัน แต่ อาจารย์ไก อาจารย์ของลีได้มาห้ามไว้

การสอบรอบแรกเริ่มขึ้นด้วยการสอบข้อเขียน 10 ข้อ คุมการสอบโดย อิบิกิ ซึ่งนารุโตะก็ผ่านมาได้อย่างหวุดหวิด(ชนิดที่ไม่ได้เขียนอะไรบนข้อสอบเลย!!!!!) ในการสอบรอบที่ 2 คุมโดย อังโกะ โดยในการสอบจะมีคัมภีร์นินจาอยู่สองแบบ คือ คัมภีร์ฟ้า และคำภีร์ดิน โดยแต่ละทีมจะได้คัมภีร์นินจาทีมละเล่ม และให้แย่งเอาคัมภีร์ในอีกแบบหนึ่งจากทีมใดก็ได้ใน 27 ทีมที่ผ่านการสอบรอบที่ 1 และไปให้ถึงหอคอยตรงศูนย์กลางของป่านั้น จึงจะผ่านการสอบ ในขณะที่อยู่ในป่า ทีมนารุโตะถูกโจมตีโดย โอโรจิมารุ และ นินจาจากหมู่บ้านโอโตะ แต่สุดท้ายทีมของนารุโตะก็ได้แย่งคัมภีร์มาได้จากทีมของหมู่บ้านอะเมะ

การสอบรอบที่สามเริ่มต้นขึ้นโดยเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว คุมโดย ฮายาเตะโดยผลการจับคู่รอบคัดเลือก และ ผลการแข่งขัน

อุจิวะ ซาสึเกะ ชนะ อาคาโดะ โยโรอิ
ฮารุโนะ ซากุระ เสมอ ยามานากะ อิโนะ
เทมาริ ชนะ เท็นเท็น
กาอาระ ชนะ ร็อค ลี
อุซึมากิ นารุโตะ ชนะ อินุซึกะ คิบะ
ฮิวงะ เนจิ ชนะ ฮิวงะ ฮินาตะ
ชิกามารุ ชนะ คิน
โดซึ คินูตะ ชนะ อาคิมิจิโจจิ
ก่อนที่จะมีการต่อสู้รอบต่อไปในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า คาคาชิก็จัดครูฝึกมาให้นารุโตะแล้ว คือ ครูเอบิสึ ก็คือคนที่นารุโตะเคยใช้คาถามหารัญจวน ครูเอบิซึก็สอนให้นารุโตะให้นารุโตะเดินบนน้ำแต่นารุโตะทำไม่ได้ ต่อมาทั้งสองเจอจิไรยะระหว่างที่นารุโตะฝึกอยู่ จิไรยะทำครูอิบิสึสลบ จึงต้องสอนนารุโตะแทน สาเหตุที่นารุโตะเดินบนน้ำไม่ได้เพราะโอโรจิมารุได้ผนึกห้าวิถีไว้ทำให้จักระของนารุโตะปั่นป่วน จิไรยะจึงคลายให้ คาคาชิสอนไม้ตายให้ซาสึเกะ นั้นก็คือ พันปักษา ซึ่งต่อมาคาคาชิก็ได้สอนให้กับนารุโตะหลังจากการสอบจูนินเพราะนารุโตะไปอ้อนวอนให้คาคาชิสอนให้

การต่อสู้ในรอบที่แท้จริง และ ผลการแข่งขัน

นารุโตะ ชนะ เนจิ
ชิโนะ ชนะผ่าน คันคุโร่
ชิกามารุ ยอมแพ้ เทมาริ (ทั้งๆที่ชิกามารุเอาชนะได้แท้ๆ)
กาอาระ กับ ซาสึเกะ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น นินจาของซึนะก็ได้ใช้คาถาทำให้ผู้คนหลับไหล รวมไปถึงตัวนารุโตะเอง คาคาชิทที่คลายคาถาได้ทัน ก็สั่งให้ซาสึเกะไล่ตามกาอาระไป และบอกให้ซากุระคลายคาถาให้นารุโตะและชิกามารุที่แกล้งหลับ ทั้งสามตามซาสึเกะไปตามคำสั่งของคาคาชิ
การต่อสู้ระหว่างโฮคาเงะรุ่นที่ 3 กับ โอโรจิมารุ พร้อมกับการต่อสู้ระหว่างนารุโตะกับกาอาระ โดย นารุโตะเอาชนะกาอาระได้ โอโรจิมารุชนะโฮคาเงะรุ่นที่สาม โดยที่โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ตายไปพร้อมกับผนึกวิชานินจาของโอโรจิมารุ โดยทำให้โอโรจิมารุไม่สามารถใช้มือในการใช้วิชานินจาได้



โฮคาเงะรุ่นที่ 5 :การพบกันอีกครั้งของ3นินจาในตำนาน


นารุโตะและจิไรยะ เดินทางมาถึงแคว้นชา ที่ๆซึนาเดะอยู่ แต่โอโรจิมารุตัดหน้าไปเสียก่อน โดยเขาได้ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้ซึนาเดะ
เมื่อจิไรยะมาถึง ก็บอกให้ซึนาเดะกลับไปรับตำแหน่งโฮคาเงะที่หมู่บ้าน แต่เธอกลับปฏิเสธทันทีพร้อมกับคำดูถูก นารุโตะโมโหแล้วท้าประลองว่า ภายในหนึ่งอาทิตย์จะต้องเป็นฝึกกระสุนวงจักรให้สำเร็จให้ได้ ซึนาเดะได้พนันกับสร้อยคอเส้นสำคัญของเธอกับการเดิมพันในครั้งนี้
แต่หลังจากนั้น ซึนาเดะแอบวางยาจิไรยะแล้วกลับไปหาโอโรจิมารุพร้อมกับบอกว่าจะรักษาให้ แต่คาบูโตะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของซึนาเดะและช่วยโอโรจิมารุไว้
จิไรยะ ชิซึเนะ และ นารุโตะ ตามไปช่วยซึนาเดะ
ในการต่อสู้ ซึนาเดะนึกถึงน้องชายและแฟนเมื่อเห็นนารุโตะต่อสู้ ทำให้เธอมีความกล้าขึ้นมา นารุโตะฝึกกระสุนวงจักรได้สำเร็จในการต่อสู้กับคาบูโตะ โอโรจิมารุพุ่งเป้าไปหาซึนาเดะกับนารุโตะหมายจะฆ่า แต่ซึนาเดะปกป้องนารุโตะไว้ และทำให้โอโรจิมารุยอมถอยไป ซึนาเดะกลับไปรับตำแหน่งโฮคาเงะที่หมู่บ้านโคโนะฮะ และ ซึนาเดะยังได้ให้สร้อยที่พนันไว้ให้แก่นารุโตะ
พอกลับไปที่โคโนฮะ นารุโตะได้ให้ซึนาเดะไปรักษาคาคาชิ ส่วน ไกได้ให้ซึนาเดะไปช่วยรักษาลี แต่ซึนาเดะบอกให้ลีนั้นเลิกเป็นนินจาซะ เพราะ ความปลอดภัยในการผ่าตัดของเขามีเพียง50%เท่านั้น นอกจากนี้โคโนฮะมารุผู้เป็นหลานชายของรุ่นสามยังไม่ยอมให้ซึนาเดะเป็นโฮคาเงะ เพราะกลัวว่าทุกคนในหมู่บ้านจะลืมรุ่นสามแต่พอได้ยินสิ่งที่ซึนาเดะพูดปั้บของก็ยอมลดละแต่โดยดี ส่วนไกกับลีก็ระลึกถึงความหลังกันอยู่นี้คือสิ่งที่ลีต้องตัดสินใจเขาจะเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่
ทางฝั่งนารุโตะได้คิดแผนการที่จะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคาคาชิ แต่ก็ประสบความล้มเหลว
ศึกระหว่างเพื่อน:นารุโตะ vs ซาสึเกะ

หลังจากการสอบจูนิน ซาสึเกะได้ถอนตัวจากหมู่บ้านเพื่อตามหาความแข็งแกร่งที่แท้จริง นารุโตะได้อาสาตามตัวซาซึเกะกลับมายังหมู่บ้านโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ซึ่งเมื่อทั้งคู่ได้เจอกันเกิดการต่อสู้กันขึ้น ส่วนซาซึเกะต้องการตามหาความแข็งแกร่งที่แท้จริงเพื่อไปล้างแค้นให้ตระกูลอุจิวะ เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงซาสึเกะได้จากไป พร้อมทั้งทิ้งที่คาดหัว ไว้ให้กับนารุโตะที่แพ้สลบไป หลายวันต่อมานารุโตะฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลและได้ออกไปฝึกวิชากับจิไรยะ ส่วนซากุระก็ไปฝึกวิชาการรักษากับซึนาเดะ

การต่อสู้กับกลุ่มแสงอุษา:ช่วยชีวิตกาอาระด่วน!!

สองปีผ่านไป นารุโตะกับจิไรยะกลับมาที่หมู่บ้านโคโนะฮะ นารุโตะได้ร่วมทีมกับคาคาชิและซากุระในฐานะนินจาโคโนะฮะด้วยกันอีกครั้ง คาคาชิ ทดสอบฝีมือของทั้งสองโดยให้แย่งกระพรวน กติกาเหมือนครั้งแรกที่เจอกันตอนที่ทั้งคู่นั้นยังอยู่ในระดับเกะนิน ทั้งนารุโตะและซากุระแย่งกระพรวนมาได้ หลังจากนั้นนารุโตะเจอชิกามารุและเทมาริที่กลับมาจากการติดต่อเรื่องการสอบจูนิน ในระหว่างนั้นกลุ่มแสงอุษาได้ไปที่หมู่บ้านซึนะที่กาอาระได้เป็นคาเสะคาเงะของหมู่บ้าน แสงอุษาจับตัวกาอาระไปและคันคุโร่ได้ตามไปช่วยแต่กลับโดนพิษของศัตรู โฮคาเงะรุ่นที่ 5 ได้สั่งภารกิจใหม่ให้พวกนารุโตะเดินทางไปหมู่บ้านซึนะงาคุเระ เพื่อดูสถานการณ์แล้วรายงานกลับมายังโคโนะฮะ หลังจากนั้นให้ร่วมปฏิบัติการสนับสนุนซึนะงาคุเระภายใต้คำสั่งของพวกเขา
ระหว่างทาง ทั้งสามเจอเทมาริและได้เดินทางไปพร้อมกัน ทันทีที่ไปถึงซากุระก็ช่วยแก้พิษให้คันคุโร่ได้ โฮคาเงะที่ 5 ได้สั่งให้กลุ่ม 8 คือ ครูไก ลี เนจิ และ เท็นเท็น ได้ตามพวกนารุโตะไปที่หมู่บ้านซึนะงาคุเระ ต่อมานารุโตะ ซากุระ ครูคาคาชิ และที่ปรึกษาโจ ของ ซึนะงาคุเระก็ไล่ตามกลุ่มแสงอุษาไป ระหว่างทางนั้น ที่ปรึกษาโจก็ได้เล่าถึงสัตว์หางและบอกว่าสัตว์ หางนั้นมีทั้งหมด 9 ตน โดยมีตั้งแต่ 1 หาง 2 หาง ไปจนถึง 9 หาง.... เมื่อแสงอุษารู้ตัวว่าโดนสกดรอยก็ให้ อิทาจิกับคิซาเมะ แยกกันไปจัดการกับ คาคาชิ และ กลุ่มของไก ส่วนอิทาจิไปจัดการครูคาคาชิ และทั้งสองก็ต้องแพ้กลับไป ต่อมากลุ่มของไกก้ได้ไปถึงหน้าถ้ำของกลุ่มแสงอุษา โดยมีกลุ่มของคาคาชิตามมาสมทบภายหลัง เมื่อทั้งสองกลุ่มมาถึงก็พบว่าไม่สามารถเข้าไปภายในถ้ำได้เนื่องจากมีคาถาผนึกทางเข้าไว้ กลุ่มไกจึงอาสาไปปลดผนึก และเมื่อปลดผนึกสำเร็จ กลุ่มคาคาชิ ก็เข้าไปในภายถ้ำและได้พบกับไดอาระ และ ซาโซริซึ่งนั่งทับร่างของกาอาระอยู่ นารุโตะเห็นเช่นนั้นจึงพยายามเข้าไปช่วย แต่ถูกคาคาชิห้ามไว้ จากนั้น เอดิอาระจึงพาร่างของกาอาระหนีไป โดยมีนารุโตะและคาคาชิตามไป โดยทิ้งซากุระและที่ปรึกษาโจไว้กับซาโซริ ต่อมาโจ และ ซากุระได้ต่อสู้กับซาโซริ ขณะที่ต่อสู้กันอยู่นั้นซาโซริได้บอกเรื่องเกี่ยวโอโรจิมารุให้ซากุระรู้ว่า ตนเองจะไปนัดพบกับโอโรจิมารุที่สะพานแห่งหนึ่งในอีก 7 วันข้างหน้า ก่อนที่ซาโซริจะพ่ายแพ้ให้กับซากุระ
ส่วนนารุโตะและคาคาชิที่ตามเดอิดาระไปก็ได้ต่อสู้กัน โดยนารุโตะใช้พลังของจิ้งจอกเก้าหางเข้าสู้ และคาคาชิใช้เนตรวงแหวนแบบใหม่เข้าสู้จนเดอิดาระพ่ายแพ้และเสียแขนไปข้างหนึ่ง จากนั้นกลุ่มแสงอุษาที่เหลือจึงถอนตัวหนีไป ต่อมากลุ่มไกและกลุ่มคาคาชิก็มารวมตัวกันโดยนำร่างของกาอาระที่ไร้วิญญาณแล้ว นารุโตะเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยอะไรกาอาระได้ ที่ปรึกษาโจเห็นถึงความลึกซึ้งระหว่างนารุโตะและกาอาระจึงตัดสินใจชุบชีวิตกาอาระขึ้นมาโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก กาอาระจึงฟื้นคืนชีพและได้กลับไปซึนะเช่นเดิม

การตามหาซาสึเกะ:พบพานกันอีกครั้ง

หลังจากจบศึกกับกลุ่มแสงอุษาที่หมู่บ้านซึนะ พวกนารุโตะก็ได้รับภารกิจใหม่ แต่คาคาชิบาดเจ็บหนักจึงไม่สามารถเข้าร่วมภารกิจได้ โฮคาเงะรุ่นที่5(ซึนาเดะ) เลยส่ง ยามาโตะ นินจาหน่วยลับมานำทีมแทน ซึ่ง ยามาโตะ เคยเป็นร่างทดลองของโอโรจิมารุ ซึ่งโคลนนิ่งจากสายเลือดและดีเอ็นเอของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 จึงสามารถใช้ขีดจำกัดทางสายเลือด วิชาลับของรุ่นที่ 1 คือ สามารถควบคุมไม้ได้ ไม่เพียงแค่ยามาโตะที่ถูกส่งเข้ามาร่วมทีมใหม่ แต่ยังมี ซาอิ นินจาหนุ่มที่ถูกฝึกมาให้ยึดมั่นในภารกิจมากกว่าความรู้สึก ซึ่งการปรากฏตัวครั้งแรกของซาอินั้น ทำเอานารุโตะถึงกับยั๊วไปกับนิสัยอันกวนๆของซาอิเข้าอย่างจัง แถมซาอิยังพูดดูถูกซาสึเกะอีก นารุโตะทนไม่ได้จนต่อยซาอิคว่ำ สร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง ซากุระ และ ยามาโตะ

ภารกิจเริ่มต้นขึ้น เมื่อยามาโตะปลอมตัวเป็นซาโซริร่างหุ่นเชิด ไปยืนรอสายลับของซาโซริ โดยให้พวกนารุโตะไปซ่อนตัว และก็เป็น คาบุโตะ มือขวาของโอโรจิมารุ เข้ามายังสถานที่ที่นัดหมายเอาไว้ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน โอโรจิมารุก็ได้เฝ้าดูอยู่อย่างห่างๆ แต่โอโรจิมารุไม่รอช้าเลยเข้าร่วมวงสนทนาด้วย แต่ยามาโตะก็ถูกคาบุโตะกำจัดร่างหุ่นเชิดจนยับเยิน แต่ก็รอดตายมาได้ และก็รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่โอโรจิมารุมาขอนัดพบกับซาโซริ นั่นคือ โอโรจิมารุหมายจะสังหารซาโซรินั่นเอง โอโรจิมารุสั่งให้ยามาโตะเรียกพวกที่ซ่อนตัวอยู่ออกมา ก็เลยทำให้ นารุโตะ ซากุระ และ ซาอิ ออกมารับมือกับโอโรจิมารุ นารุโตะ เข้าไปโจมตีโอโรจิมารุด้วยความโกรธแค้นโดยใช้จักระจากจิ้งจอกเก้าหาง จนสร้างความเสียหายแก่พื้นที่โดยรอบ โอโรจิมารุจึงหนีออกไป นารุโตะตามโอโรจิมารุไป แต่ซากุระกลับโดนลูกหลงจนหมดสติจะตกสะพาน ซาอิได้วาดภาพนก และเรียกออกมาใช้ เหมือนกับทำท่าจะช่วยเธอ แต่กลับตามโอโรจิมารุไปอีกคน ทำให้ยามาโตะต้องใช้วิชาควบคุมไม้ ช่วยซากุระเอาไว้ได้ และใช้ร่างโคลนที่ทำจากไม้ไล่ตามนารุโตะไป

การต่อสู้ระหว่างนารุโตะกับโอโรจิมารุยังคงดำเนินต่อไป นารุโตะรุกไม่ยัง โอโรจิมารุหาทางหนี แต่ซาอิที่ไล่ตามมาทีหลังก็ส่งจดหมายที่ดันโซมาให้โอโรจิมารุ และได้ติดตามโอโรจิมารุไป ส่วนอีกด้านหนึ่งยามาโตะจึงใช้วิชาลับของรุ่นที่ 1 สะกดจักระจิ้งจอกเก้าหาง จนนารุโตะฟื้นคืนสติกลับมาเป็นเหมือนเดิม และทั้งสามก็ติดตามหาตัวโอโรจิมารุต่อไป พอถึงรังลับของโอโรจิมารุ พวกนารุโตะก็พบว่าซาอิได้นำเอาข้อมูลลับของนินจาโคโนะฮะมาให้โอโรจิมารุ เนื่องจากดันโซ ต้องการคืนสู่อำนาจในโคโนะฮะ จึงขอร้องให้นารุโตะช่วยโจมตีหมู่บ้านโคโนฮะ ส่วนทางนารุโตะที่ต้องการจะช่วยเหลือซาสึเกะให้ได้ จึงมุ่งหน้าต่อไปโดยที่ไม่ฟังคำทัดท้านจากซาอิที่ได้พบกับซาสึเกะก่อนหน้านี้ แต่นารุโตะยังคงมุ่นมั่นที่จะช่วยเพื่อนรักคนนี้ให้ได้ จนซาอินั้นยอมช่วยเหลือนารุโตะอีกแรง เพราะเขาเองก็ต้องการค้นหาความรู้สึกตัวเอง ต่อพี่ชายที่ล่วงลับไปเช่นกัน จนในที่สุดพวกนารุโตะก็บุกเข้าไปในรังโอโรจิมารุและได้เจอกับ ซาสึเกะ เพื่อนรักที่หายไปนาน นารุโตะพยายามเกลี้ยกล่อมซาสึเกะให้กลับไปโคโนฮะ แต่ซาสึเกะกลับปฏิเสธ เพราะเป้าหมายเขาตอนนี้คือฆ่าอิทาจิเท่านั้น และ เขาก็กล่าวอีกว่า เพื่อได้พลังมาเขายอมทุกอย่าง แค่ชีวิต มีเท่าไหร่ฉันก็ยอมให้ได้ และ ซาสึเกะก็จากไป โดยที่นารุโตะยังคงนั่งเจ็บใจ ส่วนซากุระก็ได้แต่ร้องไห้และบอกว่า พวกเราจะต้องแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อหวังที่จะพาเพื่อนรักคนนี้กลับมาให้ได้
โคโนฮะ vs แสงอุษา : ปะทะกับฮิดัน และ คาคุสึ

นารุโตะ อยากจะพาเพื่อนรัก ซาสึเกะกลับมาให้ได้ จึงตัดสินใจฝึกหนักกับคาคาชิ และ ยามาโตะ โดยคาคาชิให้นารุโตะทดสอบหาธาตุของตนนั้นคืออะไร ซึ่งผลที่ออกมานั้น นารุโตะ คือ ธาตุลม คาคาชิจึงเริ่มฝึกให้นารุโตะรู้จักควบคุมธาตุลม โดยการฝึกแบบพื้นฐานจนถึงใช้คาถาแยกเงาพันร่างมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ฝึกสำเร็จยิ่งขึ้น การฝึกยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งการมาเยือนโคโนฮะของสมาชิกแสงอุษา อย่าง ฮิดัน และ คาคุซึ โดยพวกเขาก็ถล่มโคโนฮะซะยับ จนโฮคาเงะรุ่น5(ซึนาเดะ) สั่งให้นินจา 20 หมวดย่อยออกติดตามล่าแสงอุษาถ้าจับเป็นไม่ได้ก็ให้ฆ่าซะทีมของอาซึม่าออกไปตามล่าจนได้ปะทะเข้าสู้กับฮิดัน แต่ก็ไม่สามารภฆ่าฮิดันได้ อาซึม่าจึงขอลุยเดี่ยวกับฮิดัน ซึ่งฮิดันนั้นสามารถส่งความบาดเจ็บของตนเองไปยังคู่ต่อสู้ที่ตนเองได้รับเลือดเข้าไปในร่างได้ ชิกามารุพยายามจะช่วยโดยใช้คาถาเงาหยุดฮิดันเอาไว้ แต่ทว่า คาคุซึก็ออกมาช่วยฮิดันไว้ได้ ทำให้ฮิดันสามารถเอามีดมาแทงหัวใจสังหารอาซึมะจนสิ้นใจ การตายของอาซึมะ ทำให้ศิษย์รักอย่าง ชิกามารุโกรธแค้นมาก จึงตัดสินใจยกทีมไปสู้โดยมีคาคาชิร่วมด้วย ในขณะที่ โฮคาเงะรุ่นที่ 5 ให้นารุโตะ ซาอิ ซากุระ และยามาโตะไปเป็นกำลังเสริมโดยมีเงื่อนไขว่านารุโตะต้องฝึกวิชานั้นสำเร็จภายใน24ชั่วโมงหลังจากนั้นเท่านั้น ชิกามารุจัดการฮิดันสำเร็จ แต่ คาคุซึก็ยังคงต่อสู้อยู่กับคาคาชิ โจจิและอิโนะ จนในที่สุดนารุโตะก็ปรากฏตัวโดยเปิดตัวท่าไม้ตายใหม่ "ดาวกระจายวงจักร" จัดการกับคาคุซึตัวต่อตัว และในที่สุดก็จัดการคาคุซึลงได้ในการใช้ท่านี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้น นารุโตะรักษาการบาดเจ็บที่แขนขวา ซึนาเดะบอกคาคาชิว่า วิชานี้มีพลังทำลายล้างสูงเกินไป หากนารุโตะยังใช้วิชานี้อีก ก็อาจจะไม่สามารถรีดเร้นจักระได้อีกต่อไป โดยกำชับว่า ห้ามนารุโตะใช้วิชานี้อีกเด็ดขาด พอคาคาชิบอกกับนารุโตะ นารุโตะกลับบอกว่าเขารู้จักร่างกายตัวเองดีที่สุดและไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ฟอร์มทีมซาสึเกะ และ ศึกประจันหน้าระหว่าง เดอิดาระ กับ ซาสึเกะ

อีกด้านหนึ่ง เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่าง ซาสึเกะ กับ โอโรจิมารุ ซึ่งซาสึเกะผู้เป็นศิษย์เหนือกว่ามาก และเป็นฝ่ายโอโรจิมารุ ผู้เป็นอาจารย์ต้องประสบความปราชัยไป จากนั้นซาสึเกะ ก็ได้รวมทีมขึ้นมาใหม่ เป็นทีมงู (Heibi) สมาชิกประกอบไปด้วย ซุยเงสึ ที่มีนิสัยชอบดื่มน้ำตลอดเวลาเพราะร่างกายเป็นน้ำ, จูโกะ ผู้เป็นต้นตำรับอักขระต้องสาป, คาริน สาวเพียงคนเดียวในทีม หลงรักซาสึเกะ และ เกลียดชังซุยเงสึสุดๆ

ทางฝั่งของแสงอุษา ได้ส่ง เดอิดาระ กับ โทบิ ไปสู้กับซาสึเกะ ถึงเดอิดาระจะใช้ท่าไม้ตาย ตั้งแต่ C1 ถึง C4 แต่มิอาจต้านซาสึเกะได้ เดอิดาระจึงต้องพลีชีพด้วยการระเบิดตัวเองเพื่อให้ซาสึเกะโดนลูกหลงตายไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะ ซาสึเกะได้อัญเชิญ มันดะออกมากันไว้

อีกด้านหนึ่ง ทีมของนารุโตะ และ ทีมของ คิบะ ออกไปตามหา อิทาจิ เผื่ออาจได้เจอซาสึเกะอีกครั้ง ขณะเดียวกัน จิไรยะ กับ ซึนาเดะ ก็พูดคุยกัน ระหว่างนั้น พวกเขาก็ได้พูดถึง รุ่นที่ 4 หรือ นามิคาเซะ มินาโตะ กับ อุซึมากิ คุชินะ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนารุโตะ ตามลำดับด้วยเช่นกัน พอจบการสนทนา จิไรยะก็จากลา ซึนาเดะ เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านอาเมะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเพน หัวหน้าของกลุ่มแสงอุษา.........

ลาก่อน จิไรยะ........ลาก่อน อิทาจิ

อีกด้านหนึ่ง เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่าง ซาสึเกะ กับ โอโรจิมารุ ซึ่งซาสึเกะผู้เป็นศิษย์เหนือกว่ามาก และเป็นฝ่ายโอโรจิมารุ ผู้เป็นอาจารย์ต้องประสบความปราชัยไป จากนั้นซาสึเกะ ก็ได้รวมทีมขึ้นมาใหม่ เป็นทีมงู (Heibi) สมาชิกประกอบไปด้วย ซุยเงสึ ที่มีนิสัยชอบดื่มน้ำตลอดเวลาเพราะร่างกายเป็นน้ำ, จูโกะ ผู้เป็นต้นตำรับอักขระต้องสาป, คาริน สาวเพียงคนเดียวในทีม หลงรักซาสึเกะ และ เกลียดชังซุยเงสึสุดๆ

ทางฝั่งของแสงอุษา ได้ส่ง เดอิดาระ กับ โทบิ ไปสู้กับซาสึเกะ ถึงเดอิดาระจะใช้ท่าไม้ตาย ตั้งแต่ C1 ถึง C4 แต่มิอาจต้านซาสึเกะได้ เดอิดาระจึงต้องพลีชีพด้วยการระเบิดตัวเองเพื่อให้ซาสึเกะโดนลูกหลงตายไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะ ซาสึเกะได้อัญเชิญ มันดะออกมากันไว้

อีกด้านหนึ่ง ทีมของนารุโตะ และ ทีมของ คิบะ ออกไปตามหา อิทาจิ เผื่ออาจได้เจอซาสึเกะอีกครั้ง ขณะเดียวกัน จิไรยะ กับ ซึนาเดะ ก็พูดคุยกัน ระหว่างนั้น พวกเขาก็ได้พูดถึง รุ่นที่ 4 หรือ นามิคาเซะ มินาโตะ กับ อุซึมากิ คุชินะ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนารุโตะ ตามลำดับด้วยเช่นกัน พอจบการสนทนา จิไรยะก็จากลา ซึนาเดะ เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านอาเมะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเพน หัวหน้าของกลุ่มแสงอุษา.........เมื่อถึงหมู่บ้าน จิไรยะ ได้พบกับ เพน และโคนัน อดีตลูกศิษย์ของจิไรยะที่ตอนนี้กลายมาเป็นพวกของแสงอุษา ทั้งสองพยายามขัดขวางจิไรยะ จากนั้น จิไรยะได้ต่อสู้กับเพน ซึ่งเพนก็ได้ใช้"เนตรสังสาระ" ซึ่งสามารถควบคุมร่างอื่นๆรวม 6 ร่าง เข้าโจมตีจิไรยะ จิไรยะเสียเปรียบอย่างหนักจนถึงขั้นต้องเสี่ยงแปลงเป็นอีกร่างหนึ่งที่มีปู่และย่ากบเกาะอยู่บนไหล่ ทั้งสองสู้กันอย่างสูสี จนในที่สุดจิไรยะก็ถูกเพนสังหาร ก่อนตายจิไรยะได้เขียนความลับของเพนลงบนหลังปู่กบให้ไปส่งข้อความให้ทางโคโนฮะรู้

ในขณะเดียวกัน ซาสึเกะ ได้พบกับ อิทาจิ พี่ชายของตนเข้า จึงเป็นโอกาสอันดีที่ซาสึเกะจะได้ล้างแค้นพี่ชายซะที ทั้งสองไม่รอช้าจึงเข้าต่อสู้กัน การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี อิทาจิเกือบควักดวงตาของซาสึเกะได้ แต่ซาสึเกะใช้คาถาลวงตาโต้กลับจึงรอดพ้นไปได้ การต่อสู้ดำเนินต่อไป ทั้งสองต่างก็งัดใช้ท่าไม้ตายสุดยอดออกมา ทว่าในขณะที่อิทาจิกำลังใช้"สุซานาโอะ(เทพีสุริยา)"จู่โจมซาสึเกะที่กำลังหมดหนทางโต้กลับอยู่นั้น อิทาจิกลับสิ้นลมขาดใจตายต่อหน้าซาสึเกะ โดยก่อนตายเขาได้เอานิ้วจิ้มที่หน้าผากของซาสึเกะเป็นการส่งท้าย(จริงๆแล้ว เป็นการส่งมอบวิชาเนตรวงแหวนที่อิทาจิมีทั้งหมดให้กับซาซึเกะ) จากนั้นโทบิ ซึ่งภายหลังก็เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงคือ อุจิวะ มาดาระ ได้ปรากฏตัวขึ้นและบอกความจริงทั้งหมดให้ซาสึเกะได้รู้ ได้ความว่า อิทาจิต้องการให้ซาสึเกะแก้แค้นแทนตนเอง ที่โดนหมู่บ้านโคโนฮะหักหลัง แถมก่อนตาย เขาก็ถ่ายทอดวิชาเนตรวงแหวนที่เขามีทั้งหมดให้กับซาสึเกะด้วย นอกจากนี้ มาดาระยังบอกอีกว่า อิทาจิได้ช่วยโลกนินจา โคโนฮะ และ ปกป้องซาสึเกะ รวมถึง เรื่องราวในอดีตของตระกูลอุจิวะ และ การปะทะกันของ โฮคาเงะรุ่น 1 และ มาดาระ เมื่อซาสึเกะได้รู้ความจริงทั้งหมด เขาจึงแค้นโคโนฮะนัก และร่วมือกับมาดาระและแสงอุษาในการถล่มโคโนฮะ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อทีมของซาสึเกะเอง จากทีม"งู" เป็น "เหยี่ยว"



เพน จู่โจมโคโนฮะ : โคโนฮะ ถึงคราวล่มสลายอย่างงั้นเหรอ!?

หลังจากที่ซาสึเกะและพรรคพวกแห่งทีมเหยี่ยว ได้เข้าร่วมกับแสงอุษา ภารกิจแรกของพวกเขา ก็คือ การออกล่าตามจับ "8 หาง" แต่พวกเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันทางฝั่งโคโนฮะ ได้รับทราบข่าวการจากไปของจิไรยะ ทำให้ทุกคนเสียใจมาก โดยเฉพาะกับนารุโตะ อย่างไรก็ดีพวกเขาได้พบกับรหัสลับที่จิไรยะได้ฝากไว้ก่อนตายให้กับ"ปู่กบ" ชิกามารุ กับ นารุโตะ จึงได้ช่วยกันไขรหัส ได้ความว่า เพนไม่มีตัวตนที่แท้จริง อีกด้านหนึ่ง เพน ได้บุกมายังโคโนฮะแล้ว ซึ่งเป้าหมายหลักของเพน คงหนีไม่พ้น "9 หาง" ในตัวนารุโตะ และเพื่อรับมือการบุกของเพน ปู่กบจึงเสนอให้นารุโตะไปฝึกวิชาเพิ่มเติมกับเขา เพื่อให้นารุโตะสามารถดึงพลังจากธรรมชาติ เข้าสู่โหมดเซียนได้ นารุโตะจึงตอบตกลงที่จะฝึกวิชากับปู่กบ..........

ระหว่างที่นารุโตะกำลังฝึกฝนวิชา สถานการณ์โคโนฮะกลับย่ำแย่ เมื่อเพน พร้อมกับร่างของเขาทั้ง 6 ร่าง ได้บุกโจมตีโคโนฮะอย่างหนักหน่วง ซึ่งฝีมือเพนนั้นร้ายกาจมาก นินจาโคโนฮะถูกปราบเรียบ แม้กระทั่งคาคาชิเองก็ยังเอาไม่อยู่ ผลสุดท้ายเพนได้ใช้้พลังมหาศาล ทำลายล้างหมู่บ้านโคโนฮะ จนราบเป็นหน้ากอง ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น นารุโตะก็ปรากฏกายต่อหน้าเพน พร้อมกับฝึกโหมดเซียนได้สำเร็จ นารุโตะที่พาวเวอร์อัพขึ้น สามารถต่อสู้กับเพนได้อย่างสูสี สามารถจัดการเพนได้ 5 ร่าง จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญเมือ ปู่กบถูกเพนฆ่าตาย แถมนารุโตะเองยังถูกพนใช้แท่งโลหะสีดำที่เป็นตัวรับจักระ แทงไปตามจุดต่างๆ อีกทั้งฮินาตะทีเข้ามาช่วยพร้อมสารภาพความในใจกับนารุโตะ ถูกเพนทำร้ายอีก ทำให้นารูโตะถึงกับบันดาลโทสะ กลายเป็นปีศาจจิ้งจอก 6 หางออกอาละวาด ทว่าภายในตัวของนารุโตะ ได้พบกับ มินาโตะ โฮคาเงะรุ่นที่ 4 และศักดิ์เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของนารุโตะ ซึ่งรุ่นที่ 4 ช่วยซ่อมแซมผนึกจิ้งจอกเก้าหางในตัวนารุโตะอีก ทำให้นารุโตะได้กลับไปสู้กับเพนอีกครั้งในโหมดเซียน การต่อสู้ดำเนินต่อไปจนกระทั่ง นารุโตะได้ใช้แท่งโลหะสีดำแทงใส่ตัวเองที่อยู่ในโหมดเซียนเพื่อส่งจักระของตัวเองย้อนทางกับไปค้นหานางาโตะ หรือ เพน จนพบ และทำให้นารุโตะได้รู้เรื่องในอดีตทั้งหมดของเพน ต่อจากนั้นนารุโตะก็พูดประโยคหนึ่งซึ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่นางาโตะ ทำให้นางาโตะยอมรับในตัวนารุโตะ และใช้วิชาลับชุบชีวิตนินจาโคโนฮะทุกคนที่ได้ฆ่าไป จนกระทั้งนางาโตะสิ้นลม อันเป็นการจบศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ โคนันจากลาไป ในขณะที่นารุโตะเดินทางกลับโคโนฮะในฐานะวีรบุรุษ





นารุโตะ เวอร์ชั่นภาพยนตร์

นารุโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกชิงเจ้าหญิงหิมะ (Naruto the Movie: Ninja Clash in the Land of Snow )
หนังจอเงินภาคแรกของนารุโตะ ออกฉาย ปี 2004 ซึ่งในบ้านเราเข้าฉายในโรงในปีต่อมา ซาสึึเกะ นารุโตะ และ ซากุระ ได้ช่วยเหลือ ยูคิเอะ ที่กำลังจะถูกฆ่า นารุโตะเกิดประทับใจในตัวยูคิเอะ จึงได้ติดตามเธอ จนได้ลายเซ็นเธอมา แต่เธอไม่มีทีท่าอยากจะเล่นหนังเรื่อง"เจ้าหญิงฟุอุน"เลย เธอจึงถูกพาไปขึ้นเรือที่ในการแสดงหนังดังกล่าว ณ แคว้นยูกิ ขณะที่กำลังถ่ายทำหนังอยู่นั้น เกิดระเบิดบนภูเขาขึ้น และ ทั้งหมดต้องต่อสู้กับนินจาชั่วร้ายเพื่อปกป้องเธอผู้นี้

นารุโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกครั้งใหญ่ ผจญนครปิศาจใต้พิภพ (Naruto the Movie 2: Legend of the Stone of Gelel )
ออกฉาย ปี 2005 ซึ่งในบ้านเราเข้าฉายในโรงในปีต่อมา เช่นเดียวกับภาคแรก กับการทำภารกิจลับของ นารุโตะ ซากุระ และ ชิกามารุ พวกเขาได้ต่อสู้กับศัตรูประหลาด ขณะที่นารุโตะกำลังต่อสู้อยู่นั้น เขาพลาดตกลงหน้าผาพร้อมกับคู่ต่อสู้ นารุโตะได้พบกับป้อมขนาดใหญ่ ซึ่งมีสิ่งลึกลับ รอคอยเขาอยู่...


นารุโตะ เดอะมูฟวี่ เกาะเสี้ยวจันทรา ( Naruto the Movie 3: Guardians of the Crescent Moon Kingdom )
ออกฉาย ปี 2006 เป็นหนังภาคสุดท้ายของนารุโตะภาคแรก กับภารกิจปกป้องเจ้าชายแห่งเกาะเสี้ยวจันทรา ที่กำลังออกเดินทางรอบโลกของ นารุโตะ คาคาชิ ซากุระ และ ร็อคลี แต่ในขณะเดียวกัน ที่เกาะเสี้ยวจันทรากำลังถูกกลุ่มวายร้ายยึดครองอีกเช่นกัน พวกนารุโตะ จึงต้องหยุดเหตุการณ์เลวร้ายลงให้ได้

นารุโตะ ชิปปูเดน เดอะมูฟวี่
ออกฉาย ปี 2007 เป็นหนังภาคแรกของซีรี่ย์ Naruto Shippuden โดยนินจาโคโนฮะ ซึ่งประกอบด้วย นารุโตะ ,ซากุระ ,ร็อคลี,เนจิ ได้รับคำสั่งให้คอยปกป้อง ชิออน ผู้ตกเป็นเป้าหมายการสังหารจาก จอมมารโมเรียว ที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งโมเรียวมีความต้องการอยากครองโลก และ ต้องการสร้าง"อาณาจักรพันปี"ให้เป็นจริงให้ได้ นอกจากพวกนารุโตะจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว พวกเขายังต้องหาทางกำจัดจอมมารผู้นี้ลงให้ได้

นารุโตะ ชิปปูเดน เดอะมูฟวี่ 2 (Naruto Shippuden 2: Bonds )
ออกฉาย ปี 2008 ไฮไลต์สำคัญของภาคนี้ คือ การพบกันอีกครั้งของนารุโตะ กับ ซาสึเกะ โดยที่นารุโตะ ,ซากุระ และ ฮินาตะ ถูกส่งให้ไปทำภารกิจช่วยเหลือคนในหมู่บ้านโคโนฮะที่ถูกจู่โจมจากกลุ่มนินจาที่เรียกตนเองว่า"โซระ" ตามคำขอร้องของคุณหมอชิโน กับ อามารุ ผู้ช่วยของเขา โดยมีทีมของชิกามารุคอยต่อสู้กับกลุ่มนินจากลุ่มนี้ ในขณะที่ภารกิจของนินจาโคโนฮะ ดำเนินต่อไปอย่างทุลักทุเล พร้อมกับรู้ความจริงเกี่ยวกับชิโนที่ได้รับพลังแห่งความมืด ชิโนได้รวมตัวกับปีศาจศูนย์หาง กลายเป็นสัตว์ประหลาด นารุโตะ กับ ซาสึเกะ ที่ได้ปรากฏตัวขึ้นโดยบังเอิญ ต้องช่วยกันหยุดสัตว์ประหลาดตนนี้ให้ได้

นารุโตะ ชิปปูเดน เดอะมูฟวี่ 3 (Naruto Shippuden 3: Inheritors of the Will of Fire)
ออกฉาย ปี 2009 โดยกลุ่มนินจาผู้มีขีดจำกัดทางสายเลือดได้บุกเข้ามาจู่โจมโคโนฮะ ซึนาเดะ จึงสั่งให้คาคาชิช่วยปกป้องหมู่บ้านนี้เอาไว้

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554



คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน(ซีไรต์)ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งเข้าประกวดรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนประจำปี 2554 จำนวน 83 เล่มแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 7 เล่ม ดังมีรายชื่อซึ่งเรียงตามลำดับตัวอักษรของชื่อเรื่องต่อไปนี้ ให้คณะกรรมการตัดสินพิจารณาในวาระต่อไป และ เป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่หนังสือจัดจำหน่ายของศูนย์หนังสือจุฬาฯ เรื่อง กระดูกของความลวง ของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ได้เข้ารอบเป็น 1 ใน 7 เล่มสุดท้ายของรางวัล วรรณกรรมสร้างสรรค์ ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2554 จากจำนวนทั้งหมด 83 เล่ม

สำหรับ 7 เล่มที่ได้รับการคัดเลือกมีดังนี้
1. 24 เรื่องสั้นของฟ้า ของ ฟ้า พูลวรลักษณ์
2. เรื่องของเรื่องของ พิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์
3. แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟของ จเด็จ กำจรเดช
4. กระดูกของความลวงของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ( หนังสือจัดจำหน่ายของศูนย์หนังสือจุฬาฯ )
5. นิมิตต์วิกาล ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์
6. บันไดกระจกของ วัฒน์ ยวงแก้ว
7. ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิตของ จักรพันธุ์ กังวาฬ




ภาพรวมของเรื่องสั้นที่ส่งเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2554

คณะกรรมการคัดเลือกได้ร่วมกันสรุปภาพรวมของเรื่องสั้นที่ส่งเข้าประกวดรางวัลซีไรต์ประจำปี 2554 ดังนี้

เรื่องสั้นที่ส่งเข้าประกวดมีเนื้อหาหลากหลาย ปัญหาของสังคมยังเป็นวัตถุดิบที่ทรงพลัง นักเขียนให้ความสนใจปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งที่เกิดจากความแตกต่างของคนในสังคม การพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัยตามกระแสทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์และสังคมเสมือน ซึ่งส่งผลต่อวิถีชีวิตดั้งเดิม โดยเฉพาะในด้านความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม อย่าง ไรก็ตาม การเสนอปัญหาของท้องถิ่นยังมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

นักเขียนมุ่งเสนอภาพในมุมมองที่ขยายวงมากกว่าเดิม กล่าวคือ นอกจากจะชี้ให้เห็นว่าชนบทเป็นผู้ถูกกระทำจากภายนอกอย่างไม่มีทางเลือกแล้ว ในบางกรณี ปัญหาของมนุษย์ก็เกิดจากคนที่อยู่ในชุมชนนั้นเอง ส่วนเนื้อหาที่มุ่งเสนอเรื่องราวของวิถีชีวิตสมัยใหม่ นักเขียนแสดงให้เห็นถึงความสับสนความแปรปรวนของชีวิต ภาวะของความเป็นมนุษย์ถูกลดทอนลงไป ท่าทีในการแสดงออกต่อปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาในชนบทและวิถีชีวิตสมัยใหม่ มีทั้งการเสียดสียั่วล้อเพื่อกระตุกให้ผู้อ่านย้อนกลับมาหยั่งถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีนักเขียนที่แสดงความห่วงใยต่อสังคม และมีทั้งการเผชิญหน้าด้วยการตั้งคำถามถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ของสังคมผ่าน “โลกภายใน” ของตัวละคร และน้ำเสียงของนักเขียน อย่างไรก็ตามนักเขียนมีแนวโน้มขยายเรื่องราวของตนผ่านการข้ามพรมแดนไปสู่โลกที่กว้างใหญ่ขึ้น ทั้งพรมแดนในด้านชาติพันธุ์ พรมแดนด้านรัฐชาติ พรมแดนด้านเพศ และพรมแดนด้านการเล่าเรื่อง

เมื่อพิจารณาในด้านกลวิธีการนำเสนอแล้ว พบว่านักเขียนส่วนหนึ่งยังคงนำเสนอเรื่องสั้นตามขนบ แบบที่นิยมกันมาเป็นเวลานาน ดังระบุไว้ในทฤษฎีการประพันธ์เรื่องสั้น หากแต่ภายใต้โครงสร้างดังกล่าวนักเขียนได้สร้างความเข้มข้นและความซับซ้อนของเนื้อหาด้วยมุมมองหลากหลาย แม้ว่าปัญหาหลายอย่างที่เสนอในเรื่องสั้นจะเป็นภาพที่หยุดนิ่ง ไม่ต่างจากเรื่องสั้นก่อนหน้านี้ แต่ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าปรากฏการณ์ของสังคมที่ถาโถมใส่มนุษย์มีความยิ่งใหญ่เกินกว่าจะรับมือและต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงได้

ส่วนการนำเสนออีกรูปแบบหนึ่งนั้นนักเขียนได้พยายามทดลองนำเสนอเรื่องสั้นของตนด้วยกลวิธีต่างๆ โดยพยายามสร้างสรรค์แบบอย่างเฉพาะตนขึ้น เป็นการสร้างอัตลักษณ์การเขียนเรื่องสั้นของตนขึ้นมา ลักษณะดังกล่าวเป็นการสร้างสีสันใหม่ๆ ให้แก่วงการประพันธ์เรื่องสั้นของไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มของการเขียนเรื่องสั้นไทยในอนาคต กลวิธีการเขียนเรื่องสั้นที่เน้นอัตลักษณ์เฉพาะตนชวนให้ตื่นตาตื่นใจปลุกเร้าให้ขบคิดตีความ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงคุณภาพของเรื่องสั้นโดยรวมแล้ว พบว่าประพันธศิลป์เชิงสร้างสรรค์ทั้งด้านเนื้อหาและการนำเสนอนั้นยังอยู่ระหว่างการแสวงหาลักษณะเฉพาะของยุคสมัยที่โน้มนำให้เชื่อว่ายังมีเส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล

By : http://www.chulabook.com

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ต้นอ่อนข้าวสาลี (วีทกราส) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง โดย มนต์สวรรค์ จินดาแสง






พิมพ์ซ้ำครั้งที่ 2 อย่างรวดเร็ว สมกับเป็นหนังสือ Best Seller

เนื่องเพราะหนังสือ ไม่ได้เพียงกล่าวถึงความมหัศจรรย์ของน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี ที่เมื่อบริโภคสด ๆ แล้วเม็ดเลือดขาว (ภูมิคุ้มกัน) ขึ้นทันที ราวกับเป็นพืชวิเศษ แต่หนังสือยังอธิบายถึงปริศนาสุขภาพต่าง ๆ ที่เราไม่เข้าใจไว้อย่างเป็นองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นต้นเหุตการเป็นโรคต่าง ๆ ของมนุษย์ ซึ่งมาจากอาหารเป็นส่วนใหญ่

โดยหนังสือได้กล่าวถึงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชิ้นอุโฆษของ น.พ.ฟรานซิส พอตเทนเจอร์ เจอาร์. ที่มีชื่อว่า Pottenger Cast Study ซึ่งกระทำต่อเนื่องกว่า 10 ปี กับแมว 900 ตัว โดยแบ่งแมวออกเป็น 4 รุ่น ว่าแมวที่กินอาหารพลังสดกับแมวที่กินอาหารผ่านกระบวนการนั้น สุขภาพของลูกแมวรุ่นตั้งแต่ 2-4 ของแมวทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แมวกลุ่มที่กินอาหารผ่านกระบวนต่างพิกลพิการ สุขภาพย่ำแย่ ขณะที่แมวของอีกกลุ่ม สุขภาพปกติทั้ง 4 รุ่น

และนี่อาจเป็นการอธิบายถึงสาเหตุของเด็กเกิดใหม่ ที่มีสภาพพิกลพิการที่เราได้ยินข่าวอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงอธิบายถึงเรื่องธรรมชาติบำบัดกับโรคเรื้อรังว่า ปัจจุบัน ยาที่ขายดีที่สุดมิใช่ยาแอนติไบโอติก หรือรักษาโรคมาลาเรีย ที่มีบทบาทในการยับยั้งชีวิตมนุษย์ได้อย่างฉับพลันอีกต่อไป แต่กลับเป็นยารักษาโรคเรื้อรัง ที่เมื่อกินยาตัวหนึ่งก็จะมีผลข้างเคียง แล้วก็ต้องกินยาอีกตัวหนึ่งเพื่อระงับผลข้างเคียงนั้น ทำให้คนไข้ต้องวนเวียนอยู่ในวัฎจักรของยาอยู่เช่นนั้น แล้วหนีไม่พ้นจากการเป็นโรคตับ หรือไตในท้ายสุด โดยมีค่าใช้จ่ายมหาศาลที่รัฐบาลและผู้ป่วยต้องรองรับ

พบกับปริศนาสุขภาพที่หนังสือเล่มนี้ได้ตีแผ่ไว้อย่างหมดเปลือก ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป


สำนักพิมพ์ใยไหม


ไม่ต้องรักมากขึ้น แค่อย่าใส่ใจน้อยลง โดย ออนอุมาร์




ความรัก...มักจะหวือหวาในตอนแรก

แต่เมื่อคนสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ระดับความตื่นเต้นก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พอเป็นแบบนี้ หลายคนเริ่มมีคำถามโผล่ขึ้นมาในใจว่า "เขายังรักเราอยู่หรือเปล่า" เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ค่อยมีความสำคัญ" สำหรับเขาเหมือนเดิมแล้ว


เธอกับฉัน เรารักกันจริง ๆ หรือเปล่า... โดย ออนอุมาร์





เรารักกันหรือแค่ผูกพัน? โดย ออนอุมาร์







รวมบทความของความรู้สึกดี ๆ หลากหลายเรื่องราวของความรัก ถ่ายทอดออกมาด้วย ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ละมุนละไม ทั้งยังได้สอดแทรกข้อคิดดี ๆ ข้อความที่ทำให้เกิดพลังใจ มีกำลังใจ และทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น...ความอบอุ่น...ความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้...รอคอยคุณแล้วอยู่ในเล่ม


เครดิต : http://webcache.googleusercontent.com